บทที่ 3
เข้าหน้าฝนแล้ว แต่...ลมร้อนยังคงอยู่และคาดว่าจะอยู่กับเราไปอีกนานเลยล่ะ อากาศร้อนๆแดดแรงๆ กับหน้าร้อนที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 39-43 องศา(ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา)นี่คืออุณหภูมิของทางภาคเหนือนะครับ ถ้าพูดถึงภาคเหนือหลายๆคนคงจะนึกถึงอากาศเย็นสบายตลอดปีน่าอยู่น่าอาศัย ใช่ถ้าเป็นซัก 10-20 ปีก่อนแต่ ณ.วันนี้ปีนี้มันเป็นอย่างนี้ครับ แต่ใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมดนะครับเพราะฤดูฝนกำลังจะมาและฤดูหนาวยังคงจะมีอยู่ถึงแม้ตอนกลางวันแดดจะแรงแต่พอค่ำๆก็ยังคงจะรู้สึกถึงอากาศเย็นแห่งฤดูได้อยู่ ไม่หนักหนาอะไรมากมายนักพี่ไทยซะอย่าง...ทนได้...
ครับร้อนๆอย่างนี้ถ้าได้น้ำห้องแอร์เย็นฉ่ำก็น่าจะดีไม่น้อยหรือว่าหลบไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าก็ดีนะประหยัดค่าไฟฟ้าที่บ้านด้วย แต่ทุกท่านครับเชื่อหรือไม่ว่าการที่ท่านเปิดแอร์ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสะภาวะโลกร้อนได้เพราะสารคาร์บอนด์ฯที่เครื่องทำความเย็นปล่อยออกมานั่นเอง หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้และให้หันไปพูดเรื่องอื่นประเด็นอื่นซะ ผมไม่เถียงแต่ว่าสิ่งที่ทุกคนกำลังทำคนละเล็กคนละน้อยนี่ล่ะครับพอเอามารวมกันมันกลายเป็นเยอะ...เยอะมากๆ แล้วคนเราก็ชอบที่จะเร่งปฏิกิริยาเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว ร้อนก็วิ่งเข้าห้องแอร์ จะซื้อของร้านปากซอยหน้าบ้านก็สตาร์ทมอร์เตอร์ไซด์ ซื้อของก็ไส่ถุงซะพรุงพรังเสร็จแล้วก็ทิ้งกลายเป็นขยะ
กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าสาเหตุจากความกดอากาศที่พัดผ่านมาบวกกับความร้อนที่สะสมอยู่ในพื้นดินเป็นเวลานานตลอดช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา เริ่มคลายตัวจึงส่งผลให้อากาศร้อนอบอ้าวขึ้น หรือที่เรียกกันจนคุ้นหูว่า “สภาวะโลกร้อน” ที่กำลังคุกคามมนุษยชาติอยู่ขณะนี้ ผมไม่อยากใช้คำว่า “คุกคาม”แต่ขอใช้คำว่า “ธรรมชาติเอาคืน” จะดีกว่า เพราะที่ผ่านมามนุษย์บริโภคธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองจนถึงขั้นทำลายเลยก็ว่าได้
ถึงเวลากันจริงๆหรือยังครับที่เราจะหันมาดูแล ประคับประคอง เอื้ออำนวยธรรมชาติไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้ และลงมืแปฏิบัติกันอย่างจริงจังกันเสียที่ไม่ใช่แค่พูดเพื่อให้ตัวเองดูดีหรือเพื่อให้ประเทศตัวเองพ้นคำครหาแค่นั้น
เดือนพฤษภาคม เริ่มต้นฤดูฝนแล้วจากนี้คงจะลดอุณหภูมิความร้อนลงไปได้บ้าง(แม้แค่ชั่วขณะที่ฝนตก) แต่อากาศจะร้อนแดดจะแรงขนาดใหนพี่ไทยเราก็ยังยิ้มได้ สนุกสนานได้ มีความสุขกันได้ อย่างเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา Happy กันสุดๆ
คุณๆครับร่มไม้ต้นไหญ่ยังมีให้หลบแดด ดอกไม้หน้าร้อนสวยๆกลิ่นหอมๆแข่งกันบานรอต้อนรับหน้าฝนกันเยอะแยะไปหมด ลองมาดูกันซิว่ามีต้นอะไรออกดอกหน้านี้กันบ้าง
· ลมแล้ง (ภาคเหนือ) คูน ชัยพฤกษ์ (ภาคกลาง) ลักเคยลักเกลือ (ภาคใต้) กุเพยะ(กะเหรี่ยงกาญจนบุรี) ปึยยะปูโย เปอโซ แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน)
สวยมากและตอนที่ร่วงลงบนพื้นเหมือนปูพรมสีเหลืองไว้ไต้ต้นเลยนะ
· นกยูงฝรั่ง อินทรี (ภาคกลาง), ส้มพอหลวง (ภาคเหนือ), หงอนยูง (ภาคใต้)
สีส้มสดตัดกับสีม่วงของดอกตะแบกได้อารมณ์ดีแท้
· ก้ามปู, ก้ามกราม, ฉำฉา, สารสา, ลัง
ข้างบ้านผมมีสิบกว่าต้นเรียกได้ว่าเป็นป่าขนาดย่อมๆเลยล่ะ
· กัลปพฤกษ์
พุ่มใบแบนกว้าง ดอกสีชมพูอ่อน ออกเป็นช่อระหว่างทิ้งใบหรือผลิใบใหม่ อยากได้มาปลูกที่บ้านบ้าง มีขายที่ใหน ไครรู้ช่วยบอกด้วย
· ตะแบก เสลา อินทนิลน้ำ และอินทนิลบก
เห็นทีไรให้นึกถึงเพลงลูกทุ่งเพลงนี้ทุกที “ตะแบกบานแล้วร่วงสีม่วงที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงมพี่ปล่อยให้น้องตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทองต้องร้างคนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียวน้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา.......”
และยังมีอีกมากมายหลายดอกที่ยังไม่มีข้อมูลและอยู่นอกเส้นทางการปั่นจักรยานของผม เอาไว้ถ้ามีโอกาศออกนอกเส้นทางจะนำมาฝากนะครับ
No comments:
Post a Comment
แวะคุยและฝากความคิดเห็นด้วยนะครับ